
บทความนี้เราจะชวนคุณพ่อคุณแม่มารู้จัก 5 คำพูด “ดีต่อใจ” ที่ลูกวัยทีนอยากได้ยิน
ลองมาดูกันว่า คำพูดที่ “ดีต่อใจ” แต่ละคำพูดนั้น สร้างกำลังใจให้ลูกๆในวัยรุ่นได้อย่างไรบ้าง
5 คำพูดดีต่อใจลูกวัยทีน
1. ลูกคือคนพิเศษ
คนเรามีความปรารถนา ที่จะเป็นที่รัก เป็นที่ยอมรับ และมีคนรับฟัง โดยเฉพาะ จากคนสำคัญในชีวิต
แต่น่าเสียดาย ที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ มักคิดว่าเด็กๆ รู้อยู่แล้วว่าตนเองสำคัญกับพ่อแม่แค่ไหน
พ่อแม่จึงไม่ค่อยบอกลูก ด้วยวาจา การไม่เคยบอกว่า ลูกมีความสำคัญ เป็นคนพิเศษ
ของพ่อแม่นั้น อาจทำให้เกิดผลเสีย มากกว่าผลดี เพราะเมื่อเด็กๆ ไม่ได้รับรู้จากคำพูดของพ่อแม่
ว่าพวกเขามีความสำคัญ พวกเขาอาจขาดความภาคภูมิใจในตนเอง และรู้สึกว่าตนเอง ไม่มีคุณค่าได้
เมื่อเป็นเช่นนี้พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรหาโอกาส ในแต่ละวันเพื่อบอกลูกวัยรุ่นว่า
พวกเขามีความสำคัญแค่ไหนสำหรับคุณ ลูกอาจจะตอบรับด้วยท่าทีเขินอาย เมินเฉย
หรือทำเป็นไม่สนใจ แต่ลึกๆ แล้วคำพูดนี้ มีคุณค่าทางใจต่อวัยรุ่น เมื่อได้รับรู้ว่า ตนเองเป็นที่รักอยู่เสมอ
ถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน ทางใจให้ลูกเข้มแข็ง แม้ว่าต้องเผชิญเหตุการณ์เลวร้าย ในอนาคตก็ตาม
2. พ่อแม่ ภูมิใจในตัวลูก
ข้อมูลจาก psychologytoday.com ระบุว่า.. เมื่อพ่อแม่หมั่นบอกกับลูกว่า พวกเขาภูมิใจในตัวลูก
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เด็กๆ จะรู้สึกว่า พวกเขามีความสำคัญต่อครอบครัว และสิ่งสำคัญกว่านั้นก็ คือ
พ่อแม่กำลังทำให้วัยรุ่นรู้ว่า พวกเขาสามารถภูมิใจในตัวเอง ในสิ่งที่ทำสำเร็จได้
ยิ่งได้ยินคำว่า พ่อแม่ภูมิใจในตัวลูกบ่อยเท่าไร ความรู้สึกภูมิใจ ในตัวเองของลูก ก็จะยิ่งฝังลึกอยู่ในจิตใจ
กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ แห่งความมั่นใจ ที่รอวันเติบโต เมื่อลูก ต้องออกไปใช้ชีวิตในโลกกว้างด้วยตัวเอง
ความภูมิใจ ที่พ่อแม่เคยพร่ำบอกนี้เอง คือ รากฐานที่ทำให้ลูกเกิดความรู้สึกเชื่อมั่น
กล้าเรียนรู้ ทดลองสิ่งใหม่ๆ ที่จะพาลูกไปพบกับความสำเร็จในชีวิตได้
3. ขอโทษนะ
การยอมรับ ว่าตัวเองทำผิดพลาด อาจเป็นเรื่องยากสำหรับคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะหากเป็นผู้อาวุโส
ยอมรับต่อคนที่อายุน้อยกว่า ว่าตนเองผิดพลาดนั้น ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นนักในสังคมไทย
อย่างไรก็ตาม การยอมรับผิดกับลูกๆ หากพ่อแม่ทำผิดพลาด ไม่เพียงทำให้ความสัมพันธ์
ระหว่างคุณกับลูกแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการสอนให้ลูกรู้ว่า การยอมรับผิด
ไม่ใช่เรื่องน่าละอายแต่อย่างใด พ่อแม่ส่วนใหญ่ มักไม่กล้ายอมรับความผิดพลาดของตนเอง
เพราะเชื่อว่า..จะทำให้เสียอำนาจการปกครอง ทำให้เด็กๆ ไม่เชื่อถือ แต่ความจริงแล้ว
หากพ่อแม่ยอมรับผิดต่อหน้าลูกๆ พ่อแม่ไม่ได้สูญเสียอำนาจการปกครอง แต่เป็นการ
แสดงให้ลูกเห็นว่า คุณมีความเข้มแข็งทางจิตใจมากพอ ที่จะยอมรับผิด ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม
นอกจากนี้ เมื่อพ่อแม่ยอมรับผิด ลูกยังได้เรียนรู้ว่า ทุกความผิดพลาดคือโอกาสของการเรียนรู้
และความผิดพลาด เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นใครอายุเท่าไร ซึ่งพ่อแม่ที่ทำผิดพลาด
และกล้ายอมรับ ย่อมทำให้ลูกรู้สึกเข้าถึงได้ง่ายกว่า พ่อแม่ที่พยายามสมบูรณ์แบบตลอดเวลา
ซึ่งจะสร้างความกดดัน ให้ลูกไม่กล้าทำผิดในชีวิตและเกิดความกลัวได้
4. พ่อ/แม่รักลูก
แน่นอนว่า พ่อแม่ทุกคนย่อมรักลูก แต่คุณบอกรักลูกบ่อยแค่ไหน? งานวิจัยในต่างประเทศ
เรื่อง When do adolescents feel loved? โดย American Psychological Association พบว่า
เมื่อวัยรุ่นถูกถามว่า รู้สึกว่าเป็นที่รักของพ่อแม่หรือไม่ คำตอบของวัยรุ่นส่วนใหญ่ อยู่ที่ระดับปานกลางถึงสูง
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความขัดแย้ง ที่ลูกมีกับพ่อแม่ ในขณะนั้นแต่สำหรับลูก ที่พ่อแม่หมั่นบอกรักอย่างสม่ำเสมอ
แม้จะเกิดความขัดแย้งกัน แต่ระดับความรู้สึก เป็นที่รักกลับไม่ได้ลดลง ตามความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น
สิ่งที่งานวิจัยนี้บอกเราก็คือ การบอกรักลูกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่เพียงแค่ ทำให้ลูกรับรู้ว่าเขาเป็นที่รัก
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นกันชน เมื่อความสัมพันธ์เผชิญกับความขัดแย้งอด้วย
5. ลูกทำได้
ตอนที่ลูกยังเป็นเด็ก พ่อแม่มักจะกระโดดเข้าไปช่วยเสมอเมื่อลูกเผชิญกับปัญหา แต่เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น
พวกเขาคงไม่พอใจนัก หากพ่อแม่รีบกระโจนเข้าไปช่วยในทันที เพราะนั่นอาจหมายความว่าพ่อแม่ไม่เชื่อมั่นในตัวของพวกเขา
สิ่งที่พ่อแม่ทำได้ก็คือ การให้ความมั่นใจ เสริมความเชื่อมั่นให้กับลูกด้วยการบอกว่า “ลูกทำได้”
มองลูกด้วยความเชื่อมั่นและปล่อยให้พวกเขาลองทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง
เมื่อลูก รู้สึกว่าพวกเขาได้รับการสนับสนุน จากพ่อแม่ พวกเขามักมีแรงจูงใจทดลองทำสิ่งใหม่ๆ
เพราะพวกเขารู้ว่าหากผิดพลาดล้มเหลว ก็ยังมีไหล่ของพ่อแม่ให้คอยรองรับประคับประครอง
อย่างไรก็ตาม การเสริมทางบวก ไม่ได้หมายถึง การให้รางวัลด้วยสิ่งของ หรือเงินตราเท่านั้น
แต่การเอ่ยคำชื่นชม ให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่รับรู้ถึงความพยายามทำสิ่งดีๆ
ก็เป็นแรงเสริมทางบวกให้ลูกทำพฤติกรรมที่พึงประสงค์นั้นต่อไป
“จงมองหาความดีของผู้อื่น เพื่อยกย่องเชิดชู และนำมาเป็นตัวอย่าง
จงมองหาข้อด้อยของตนเอง เพื่อปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น”
ที่มา : Starfish Labz