Home แม่ลูก.. 7 พฤติกรรม ถ้าพ่อแม่ยังทำอยู่ ลูกเป็น “เด็กเก็บกด” แน่!

7 พฤติกรรม ถ้าพ่อแม่ยังทำอยู่ ลูกเป็น “เด็กเก็บกด” แน่!

3 second read
ปิดความเห็น บน 7 พฤติกรรม ถ้าพ่อแม่ยังทำอยู่ ลูกเป็น “เด็กเก็บกด” แน่!
0

คุณพ่อคุณแม่ เคยสังเกตลูกดูบ้างไหมค่ะว่า ลูกเราอาจเป็น “เด็กเก็บกด” ก็ได้ อันเนื่องมาจาก

พฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่เอง “เด็กเก็บกด” เป็นได้หลายสาเหตุ แต่ปัญหาหลักๆ

เกิดจากคนในครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ ลองสังเกตตัวเองกันดูบ้างนะคะ ว่าเคยทำ 7 พฤติกรรมเหล่านี้

กับลูกบ้างไหม เราอาจทำพฤติกรรมบางอย่างนี้ โดยไม่รู้ตัว หรือตั้งใจแต่เชื่อไหมคะว่า..

อาจทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน และอาจทำให้ลูกเป็นเด็กเก็บกด ซึมเศร้า

พัฒนาการถดถอย ไปจนโต เราอยากให้ลูกได้ดี และเป็นคนดี แต่บางครั้งก็ทำพฤติกรรมบางอย่าง

พูดบางเรื่อง ที่บั่นทอน และทำลายพัฒนาการลูกโดยไม่รู้ตัวก็ได้ค่ะ

1. พ่อแม่ใช้มือถือตลอดเวลา

พ่อแม่ก้มหน้า ใช้โทรศัพท์มือถือตลอดเวลา แม้จะนั่งอยู่กับลูก แต่กลับกลายเป็น “พ่อแม่ลูกไม่มีอยู่จริง”

ลูกชวนคุย ชวนเล่น พ่อแม่ก็ยังไม่หันไป แม้แต่มอง บางคนอาจทำแค่ “อือๆ หนูเล่นเลยลูก”

ทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์ ลูกจะรู้สึก โดดเดี่ยวได้ ท่ามกลางผู้คน โดยเฉพาะกับคนที่ใกล้ชิดที่สุด

จะยิ่งกระตุ้น ให้เขาเก็บตัว เก็บกด ซึ่งอาจทำให้ลูกเป็นเด็กเก็บกด ซึมเศร้า

หมดพลังใจในการ “เป็นเด็ก” และ “เรียนรู้” และพัฒนาการทางด้านต่างๆได้

2.พ่อแม่จอมบ่น บ่นเก่งทุกเรื่อง

การบ่นทุกเรื่อง บ่นซ้ำ ๆ บ่นบ่อย ๆ พูดไม่เพราะ เป็นเพราะอยากให้ลูก ทำในสิ่งที่ถูกต้อง

และ เป็นไปตามความคาดหวัง แต่ทางกลับกัน การบ่น ยิ่งทำให้ลูก ไม่ได้ลงมือทำ อย่างเข้าใจ

รู้สึกเหมือนทำอะไรก็ไม่ถูกสักอย่าง บางคนเลยคิดว่า ทำก็บ่น ไม่ทำก็บ่น งั้นก็ไม่ทำเลยดีกว่า..

เพราะยังไง ก็บ่นอยู่ดี สุดท้าย เขาก็จะไม่รู้จักความรับผิดชอบ หน้าที่ และความภูมิใจในตัวเอง

3. พ่อแม่ช่างติ ช่างดุด่า

พฤติกรรมนี้ เกินเบอร์กว่าขี้บ่นไปอีกค่ะ ลูกทำไม่ได้ดั่งใจ ทำผิดตำหนิทันที ดุด่าทันที

แบบไม่รอฟังเหตุผล บางคนอาจใส่อารมณ์โมโห โกรธ ชี้หน้าใส่ลูก พฤติกรรมนี้ ไม่ใช่แค่ทำให้ลูกเสียใจนะ

แต่ทำให้เขาความเป็นตัวเอง ไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรเพราะกลัวผิดพลาด

รอทำตามที่พ่อแม่บอกเท่านั้น เพราะไม่อยากถูกโกรธ รวมไปถึง

หากมีปัญหา ก็ไม่กล้าที่จะบอก หรือปรึกษาพ่อแม่ เพราะกลัวโดนดุด่า

4. พ่อแม่คิด หรือตัดสินใจแทนลูก

การคิดและตัดสินใจแทนลูก มักมาจาก “ความหวังดี อยากให้ลูกได้ดี” เป็นซะส่วนใหญ่

ทำแบบนี้ดี เรียนแบบนี้ที่สุด โดยลืมที่จะสังเกต ความชอบ ความถนัดของลูกเลย

ไม่สนใจ หรือใส่ใจ ความคิดเห็นของลูก ทั้งที่จริงแล้วการฟังเสียงลูก เปิดโอกาสให้เขาได้เลือก

และตัดสินใจเอง เป็นจุดเริ่มต้น ของความกล้าและความคิดสร้างสรรค์นะคะ

5. พ่อแม่อารมณ์ไม่คงที่

เวลาแฮปปี้ ก็ดีใจหาย เวลาหงุดหงิด โมโหก็ร้าย เหมือนภูเขาไประเบิด พ่อแม่เป็นแบบนี้

อาจทำให้ลูกสับสน ไม่กล้าเข้าหา ไม่รู้ว่าจะเข้าไปเล่น คุย หรือปรึกษา เรื่องอะไรในเวลาไหน

ถึงจะถูก และอาจทำให้ลูก จำเป็นแบบอย่างไปใช้กับคนอื่น เพราะคิดว่า..ทำได้เป็นเรื่องปกติ

6. พ่อแม่ช่างเปรียบเทียบ

แค่นี้ ทำไมทำไม่ได้ เพื่อนยังทำได้เลย “พี่เรียนเก่งกว่าตั้งเยอะ ทำไมเรียนไม่ได้แบบพี่”

มักคาดหวังในตัวลูก ว่าจะต้องทำได้ดี อย่างที่หวังไว้ แต่เมื่อทำไม่ได้ ก็จะตำหนิด้วยการเปรียบเทียบ

ซึ่งไม่ใช่แค่ ทำให้ลูกน้อยใจนะคะ แต่ยังทำให้ลูกไม่เห็นค่าในตัวเอง ละความพยายาม

ไม่ฮึดสู้ ทั้งที่จริงแล้ว เขามีศักยภาพพัฒนาได้ ในแบบตัวของเขาเอง

7. พ่อแม่ Fixed Mindset

เป็นพ่อแม่ ที่มีความคิดอยู่ในกรอบเดิม ๆ ไม่ยืดหยุ่น ความคิดไปเอง ตามการเปลี่ยนแปลง

ไม่เปิดใจยอมรับ และปรับใช้ ไม่กล้าก้าวออกจากหลักคิดเดิม เพราะกลัวล้มเหลว ผิดพลาด

เช่น ลูกชอบศิลปะ แต่กลับมองว่าไม่มีประโยชน์ ทำเป็นอาชีพไม่ได้ เป็นต้น

Fixed Mindset จึงมักทำให้เกิดช่องว่าง ภายในครอบครัว ความไม่เห็นไม่ตรงกัน

การแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือ พ่อแม่ต้อง”มีสติ” โดยเฉพาะการควบคุมอารมณ์ตัวเองให้มากที่สุด

เมื่อลูกยังทำได้ไม่ดี ไม่ถูกใจ ไม่สำเร็จ ให้ใจเย็น และคิดเสมอว่า เขายังใหม่กับสิ่งนั้น ๆ

ยังต้องการฝึกฝน และกำลังใจ วิธีให้กำลังใจที่ควรใช้ เช่น วันนี้หนูทำได้ดีมากนะ

เก่งมากเลยนะลูก พรุ่งนี้ทำอีกนะ พยายามพูด เพื่อเป็นกำลังใจให้ลูกบ่อยๆ ลูกจะได้มีกำลังใจนะคะ

“เด็กจะดี เป็นผู้ใหญ่ ในวันหน้า

มีพ่อแม่ หมั่นสอน คุณค่าพอ

ความดีนั้น ประเสริฐศรี

เด็กวันนี้ เมื่อเติบโต จะได้ดี

ช่างชีวี สุขดี รุ่งเรืองจริง”

 

Load More Related Articles
Load More By Lookmhoo Chonticha
Load More In แม่ลูก..

Check Also

7 พฤติกร ร มที่พ่อแม่…ทำให้ลูกเป็นเด็ก “ไม่รู้จักโต”

อย่างไรก็ดีเพราะพ่อและแม่ คือคนที่รักและหวังดีกับลูกมาก … …