
นี่ผมทำอะไรลงไป…“การเสียสละของแม่” เป็นเรื่องเล่าสอนใจ ที่เชื่อว่า มีต้นกำเนิดมาจากดินแดนเกาหลี
ว่าด้วยเรื่องราว การเสียสละของแม่ ของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ทำทุกอย่าง เพื่อลูกชายของเธอ
ต่อให้ลูกชายของเธอ เกลียดเธอมากแค่ไหนก็ตาม มันเป็นเรื่องราวสั้นๆ แต่แสดงให้เห็น
ถึงความรักและความห่วงใย เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ลองอ่านไว้เป็นข้อคิดไว้เตือนใจ…
เรื่องมีอยู่ว่า…แม่ของผมมีตาข้างเดียว… รู้ไหมว่าคนเราเวลามีเบ้าตาที่กลวงโบ๋มันน่ารังเกลียดแค่ไหน?
นั่นทำให้ผมเกลียดแม่มากๆ จะบอกว่าเธอเป็นความน่าอับอายของผมเลยก็ว่าได้..
แม่เปิดร้านเล็กๆ ในตลาดเก่าๆ แห่งหนึ่ง เพราะไม่มีใครอยากรับคนที่มีตาข้างเดียวไปทำงานด้วยหรอก
เธอเก็บสมุนไพรเล็กๆน้อยๆขาย เพื่อหาเงินใช้ ผมยังจำวันที่แม่มาที่โรงเรียนของผมได้ดี
และจะไม่มีวันลืม เพื่อนๆ ทุกคนล้อผมว่า.. เป็นลูกของปลาตาเดียวบ้างล่ะ มีแม่เป็นโจรสลัดบ้างล่ะ
วันนั้นผมได้แต่ส่งสายตารังเกียจให้แม่ แต่เธอก็ไม่รู้ตัวเสียที จนในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว
และต้องวิ่งหนีจากทุกคนทั้งน้ำตา คุณแม่ตามผมมาหลังแต่ผมอยากจะอยู่คนเดียว
และเพื่อที่จะไล่แม่ไปให้พ้นๆ ผมเลยบอกแม่ไปว่า “แม่!! ทำไมแม่ต้องมีตาข้างเดียวด้วย
แม่รู้ไหมว่า..แม่ทำให้ผมอายแค่ไหน ไปต า ยซะเลยไป๊!!” แต่แม่ไม่ตอบอะไรกลับมา
ผมคิดว่า ตัวเองพูดแรงเกินไปอยู่บ้าง แต่ท่าทางแม่จะไม่ได้คิดมากเท่าไหร่ แม่ไม่ดุผมด้วยซ้ำ
คืนนั้น ผมตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน และพบแม่แอบร้องไห้อยู่ในครัว คุณรู้รึเปล่าว่า
คนเรานั้น น้ำตาไหลได้ แม้ไม่มีลูกตา? อย่างไรก็ตามสำหรับผมแล้ว น้ำตาที่ไหลออกมา
จากเบ้าตากลวงๆ นั้น มันน่าข ยะแ ข ยงสุดจะบรรยาย ในตอนนั้นเอง ผมก็บอกกับตัวเองว่า
ทางเลือกที่ดีที่สุดของผม คงเป็นการโตขึ้นประสบความสำเร็จ จะได้ไม่ต้องมายากจ นหมดหวัง
ไม่มีแม้แต่เงิ นจะหาตาเทียมมาใส่แบบนี้ ผมทุ่มเททุกอย่างให้กับการเรียนมากๆ จนในที่สุด
ก็ได้เข้าไปเรียนในเมืองหลวง ด้วยทุนการศึกษาของเด็กเรียนดี
ผมโตขึ้น ทำงาน และแต่งงาน มีลูกอยู่ในเมืองหลวงอย่างมีความสุข ผมมีเงินซื้อบ้าน
แถมยังมีลูกสาวผู้น่ารักอีกคนหนึ่ง และที่สำคัญ ที่นี่ไม่มียัยตาเดียวคนนั้นอยู่
ชีวิตของผมมีแต่ความสุข จนกระทั่งวันหนึ่ง ก็มีเสียงเคาะที่ประตูบ้าน ผมไม่คิดไม่ฝันเลยว่า
จะต้องมาเห็นหญิงชราคนนั้นอีกครั้ง ที่หน้าบ้านของตัวเอง ใช่แล้ว เธอคือแม่ของผมนั่นเอง…
ลูกสาวของผมกลัวดวงตาโบ๋ๆ ของแม่มาก เธอวิ่งหนีอย่างตื่นต ระห นก และร้อ งไ ห้จ้า
ผมสะกดความโ มโ หในใจเอาไว้ และถามเธอว่า “เธอเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่?”
ผมมองไปที่ลูกสาวที่ร้ องไ ห้ไม่หยุด “เธอทำลูกสาวผมกลั วนะ ถ้าไม่มีอะไรก็ช่วยออกไปทีเถอะ”
แม่มองที่ผม และไล่สายตาไปที่ลูกสาวของผม ก่อนที่จะตอบกลับมาว่า “ขอโทษด้วยค่ะ สงสัยจะผิดบ้าน”
และเดินจากไป โชคดีจริงๆ ที่เธอจำผมไม่ได้ แต่ก็ไม่แปลกล่ะนะ ก็ผมเปลี่ยนไปมากเลย
แต่เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง ผมจึงตัดสินใจใช้โอกาสที่ทางโรงเรียนเก่ามีงานรวมรุ่น
เดินทางมายังบ้านเกิดเพียงลำพัง และเข้าไปยังซากเก่าๆ ในมุมเมืองที่ผมเคยเรียกว่าบ้าน
ที่นั่น ผมพบร่ า งไ ร้ วิญ ญ าณของผู้หญิงตาเดียวคนหนึ่งอยู่ที่พื้น ดูเหมือนว่า
เธอจะเสี ย ชี วิ ตมาได้สักระยะแล้ว ร่ างของเธอเริ่มจะส่งกลิ่น ในใจของผมตอนนั้น
ไม่มีความรู้สึกเสียใจใดๆ จะมีก็เพียงความสะ อิ ดสะเ อียนกับกลิ่นเ หม็ น และดวงตากลวงโ บ๋ข้างนั้นเท่านั้น
แต่ในตอนที่ผมจะติดต่อไปยังตำรวจนั่นเอง ผมก็พบกับกระดาษแผ่นหนึ่งในมือของเธอ
มันเขียนว่า…
“ลูกรัก” ดูเหมือนว่าแม่ จะอยู่มานานพอแล้วสินะ ขอโทษจริงๆ ที่ไปหาลูกที่เมืองหลวง
แม่จะไม่ไปหาลูกอีกแล้ว แต่แม่ขอให้ลูกมาหาแม่เป็นครั้งสุดท้ายสักครั้งได้ไหม
แม่คิดถึงลูกมากจริงๆ ได้ยินมาว่าลูกจะมางานร่วมรุ่นใช่ไหม ขอให้สนุกกับเพื่อนๆ นะ
ไม่ต้องห่วงแม่ไปโผล่ไปที่โรงเรียนให้เพื่อนๆ ล้อลูกอีกหรอก ขอโทษจริงๆ ที่เป็นได้แค่เรื่องน่าอ า ยของลูก
“ในตอนเด็กๆ ลูกเจออุบั ติเ ห ตุจนเสี ยตาไปข้างหนึ่ง แม้แต่แม่ไม่อยากให้ลูกโตมาด้วยตาข้างเดียว
ตอนนั้น แม่เลยเอาตาของแม่ให้กับลูก ค่ารักษามันแ พงมาก จนทำให้พวกเราต้องมาอยู่กัน
อย่างอดๆ อยากๆ แบบนี้ ขอโทษจริงๆ ที่ต้องให้ลูกอยู่อย่างทรมาน”
แม่ไม่เคยโกรธ กับเรื่องที่ลูกทำหรอกนะ แม่ดีใจด้วยซ้ำ ที่ลูกสามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้
แม่คิดถึงตอนที่ลูกตัวเล็กๆ เหลือเกิน ต่อให้ลูกโกรธใส่แม่ แต่แม่ก็เชื่อว่า ลูกทำไปเพราะรักแม่ใช่ไหมล่ะ
แม่รักลูกนะ… ลูกคือทุกสิ่งของแม่ ราวกับว่าทุกสิ่งที่ทำมาแตกสลายลงไปกับตา
ผมรังเกียจคนคนเดียว ที่มีชีวิตเพื่อผม คนคนเดียวที่ร้องไห้เพื่อผม
นี่ผมทำอะไรลงไป…ทำร้ องไ ห้แบบที่ไม่เคยร้องมาก่อน ตอนนี้ ผมสำนึกแล้ว ผมสำนึกผิ ดแล้ว
แต่ทุกอย่าง มันสายไปแล้ว มันไม่ทันแล้ว
“อย่าสำนึกผิด ในวันที่สายไปแล้ว
มันไม่มีประโยชน์อะไร…”
ที่มา moralstories เหมียวศรัทธา