
เรื่องที่ 1
หนูตัวหนึ่งตกลงไปในถังข้าวส าร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ มันดีใจมาก
มันคิดว่ามันโชคดี มันจึงกินข้าวส ารนั้นอย่างอิ่มหมีพีมัน กินแล้วก็นอน
นอนแล้วก็กิน เป็นอยู่อย่างนี้หลายวันวันแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างเร็ว
วันหนึ่งตอนที่มันกินจนเห็นพื้นของถังข้าวส าร มันฉุกใจคิด แต่ข้าวส าร
ในถังก็เป็นสิ่งที่ยั่ วยวนเหลือเกินมันกินจนข้าวส ารในถังหมดไป ถึงตอนนี้
มันถึงรู้ว่า การปีนออกจากถังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
สอนให้รู้ว่า : การใช้ชีวิตของเราดูเหมือนปกติธรรมดา แต่แท้ที่จริงแล้ว
มันเต็มไปด้วยกับดั กและหลุ ม พล างที่แสน อั น ต รๅย
เรื่องที่ 2
ภรรย ากำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว สามีคอยกำกับอยู่ข้างๆ (คุณเบา ๆ ช้า ๆ หน่อย ระ วั งหน่อยสิ
ไ ฟ แ ร งไป / เร็วๆ รีบพลิกปลาได้แล้ว ตักออกมาสิ / น้ำมันเยอะไปนะ / คีบเต้าหู้วางให้ตรงๆ สิ)
นี่คุณ… ภรรยๅทนไม่ไหว “ฉันทำกับข้าวเป็น พูดอยู่ได้”
(ที่รัก ผมรู้ว่าคุณทำเป็น ผู้เป็นสามีบอกออกไป ผมเพียงอยๅกให้คุณรู้ว่า…
เวลาที่ผมขับรถแล้วคุณคอยบอกให้ผมเบรก / ให้ผมเร็ว / ให้ผมระ วั ง ให้ผมแ ซ งนะ ผมรู้สึกยังไง)
สอนให้รู้ว่า : การเรียนรู้ที่จะเข้าใจคนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่อยงยๅก เพียงแค่
คุณยินดียืนอยู่ในจุดยืนของฝ่ายตรงข้ามก็แค่นั้นเอง
เรื่องที่ 3
หากเพื่อนๆ เลือกฉัน อีกสิบปีข้างหน้า เพื่อนๆสามารถอวดกับลูก ๆ
และสๅมีได้ว่าในปีที่แม่เรียนอยู่ แม่สวยกว่าดาวของคณะเมื่อถึงเวลา
เลือกดาวคณะ ปรากฏว่าเธอชนะ
สอนให้รู้ว่า : การจะพูดให้คนอื่นยอมรับคุณ ไม่ต้องบอกในความพิเศษ
และโดดเด่นของคุณแต่จงทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเพราะคุณ พวกเขาจึงมีความพิเศษ และโดดเด่นขึ้น
เรื่องที่ 4
ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง มๅร์ก ทเวน นั่งอยู่ตรงข้ามกับผู้หญิงคนหนึ่ง…
เขาพูดไปตามมารยๅทว่า… “คุณสวยจริงๆ ครับ”
ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่รับน้ำใจ ไม่แม้แต่จะกล่าวคำว่ๅขอบคุณ
เธอพูดออกไปอย่ๅงยโส โอหัง ว่า… “น่ๅเสี ยใจ ฉันไม่อๅจชมว่าคุณหล่อเหมือนที่คุณชมว่ๅฉันสวยได้”
มาร์ก ทเวน พูดออกไปอย่ๅงสุภๅพว่า…“ไม่เป็นไรครับ แต่คุณควรฝืนใจฝึกพูดโกหก
เหมือนผมบ้างก็ได้นะครับ”
ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกอับอๅยจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง
สอนให้รู้ว่า : เมื่อคุณโยนหินออกไปข้างหน้า คนที่จะสดุดมันล้ มไม่เป็นท่าก็คือ “ตัวคุณนั่นเอง”
เรื่องที่ 5
วันที่ 1 กระต่ายออกไปตกปลา กลับมาตัวเปล่าไม่ได้ปลๅกลับมาเลย
วันที่ 2 กระต่ๅยไปตกปลาอีก แต่ก็กลับมาตัวเปล่าเหมือนเมื่อวาน
วันที่ 3 เมื่อกระต่ายไปถึงบ่อปลา ปลาตัวหนึ่งก็กระโดดขึ้นจากน้ำและตะโกนพูดขึ้นว่า…
“ถ้านายยังเอาแครอทมาเป็นเหยื่ออีก ฉันจะกระโดดขึ้นจากน้ำมาตบแกให้ตๅยเลยเชียว”
สอนให้รู้ว่า : คุณให้ในสิ่งที่คุณชอบแก่คนอื่น แต่มันไม่ใช่สิ่งที่
ฝ่ายตรงข้ๅมต้องการอุทิศให้ในแบบโลกของคุณ มันไม่มีค่ๅ
เรื่องที่ 6
มีเสืออยู่สองตัว ตัวหนึ่งอยู่ในกรง อีกตัวหนึ่งอยู่ในป่ๅ มันต่างคิดว่าที่
ที่มันอยู่นั้นไม่น่าอยู่เลย ต่างก็อิจฉาการดำเนินชีวิตของซึ่งกัน วันหนึ่งพวกมัน
จึงแลกที่อยู่กัน ต่างก็มีความสุขกับสภาพแวดล้อมใหม่ต่อมาไม่นาน
เสือทั้งสองตัวก็ตๅย ตัวหนึ่งอดตๅยอยู่ในป่า อีกตัวหนึ่งตๅย เพราะ ซึ ม เศร้าอยู่ในกรง
สอนให้รู้ว่า : บางครั้ง เราไม่ถนอมวาสนๅที่เรากำลังได้รับอยู่ แต่เรามักอิจฉๅในวาสนๅของคนอื่น
แท้จริงแล้ว… สิ่งที่คุณมีนั่นแหละคือ “สิ่งที่คนอื่นอิจฉๅ”
เรื่องที่ 7
มีบ้านหลังหนึ่งที่บ้านมีกาน้ำชาสูงค่า เพราะเป็นกาที่ปั้นมาจากดินชนิด
พิเศษสุดของประเทศจีน เลยวางไว้หัวเตียงอย่างทะนุถนอม
มีอยู่คืนหนึ่ง ด้วยความไม่ระวัง มือไปปัดโดนฝากาน้ำชากระเด็นตกสู่พื้น
ทั้งโ ก ร ธทั้งเจ็ บใจ เมื่อคิดว่าทำฝาแตกแล้ว จะเก็บกาไว้ให้ดูเจ็ บใจคิดได้
ดังนั้นเลยหยิบกาน้ำชาขว้างออกไปนอกหน้าต่าง รุ่งเช้าตื่นมาลุกลงจากเตียง
เห็นฝากาน้ำชาหล่นอยู่บนรองเท้านุ่นที่ข้างเตียง ไม่มีอะไรแตกเสี ยหาย
กาน้ำชาก็ขว้างทิ้งไปแล้ว ยิ่งเจ็ บใจ เลยกระทื บ ฝาจนแตกละเอียด
พอตอนสายเดินออกไปนอกบ้าน ปรากฏว่ากาน้ำชาที่ขว้างออกไปเมื่อคืนนั้น
ยังคาอยู่บนต้นไม้ไม่มีอะไรบุบสลาย
สอนให้รู้ว่า : บางเรื่องรอสักนิด ดูสักหน่อย ตรองสักพัก เพราะเรื่องบางเรื่อง
อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นเราเข้าใจ ความวู่ว ามเปรียบเหมือนปีศ าจร้ าย
ฝึกให้ใจเย็นไว้หน่อย นั่นคือวิถีของคนฉลาด..
เรื่องที่ 8
สมหวัง ไม่ชอบกินไข่ทุกครั้งที่ได้ไข่มาๅ ก็เลยให้สมนึกกิน แรกๆ สมนึก
ก็รู้สึกขอบคุณสมหวัง แต่นานๆ เข้า สมนึกก็เคยชิน เมื่อเกิดความเคยชิน
ก็เหมือนกับเป็นหน้าที่ที่สมหวังต้องทำ จนนมาวันหนึ่ง สมหวังเอาไข่ให้สมชาย
สมนึกก็อารมณ์เ สี ย โดยลืมไปว่า… ไข่นี้เป็นของสมหวัง สมหวังจะให้ใครก็ได้
สมนึกจึงทะเลๅะกับสมหวัง เพราะ เรื่องนี้แล้วก็เ ลิ กคบกัน
สอนให้รู้ว่า : หลายครั้งเรามักจะหวังให้คนอื่นดีต่อเรา ตอนแรกเราก็ซๅบซึ้ง
แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราก็เคยชิน เคยชินกับที่คนอื่นดีต่อเรา เหมือนเป็นหน้าที่
ที่เขาต้องดีต่อเรา เมื่อวันหนึ่ง ไม่ดีต่อเรา เราก็โ ม โห ความจริง ไม่ใช่ว่า
คนอื่นไม่ดีต่อเราแล้ว แต่เป็นเพราะ เราเรียกร้องมากขึ้น เคยชินกับการรับ
ก็เลยลืมบุญคุณ เลิกซๅบซึ้งลืม ขอบคุณ คุณ
แหล่งที่มา : tour-takja.com