
อย่างไรก็ดีเพราะพ่อและแม่ คือคนที่รักและหวังดีกับลูกมากที่สุด แต่ในบางครั้งความหวังดีของคุณ อาจย้อนกลับมา
ทำ ร้ า ย ลูกอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งกว่าคุณจะรู้ตัว ก็อาจสายเกินแก้แล้วโดยเฉพาะ 7 พฤติก ร ร มต่อไปนี้ที่พ่อแม่ควรเลิกทำ
1. ไม่ยอมปล่อยให้ครูมาว่ากล่าว ตักเตือน หรือตีลูก
ถ้าลูกมา ฟ้ อ ง คุณว่าถูกครูตี หรือว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งนั่นอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่มีอาการหัวร้อน
และพร้อมจะไปเคลียร์กับครูที่โรงเรียน แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่อยากบอกว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องใจเย็นๆก่อน
และอาจต้องสอบถามลูกถึงสาเหตุที่ครูทำเช่นนั้น ซึ่งหากลูกทำความผิดจริงๆ และการลงโทษไม่ได้ ร้ า ย แ ร ง
คุณพ่อคุณแม่ ก็ไม่ต้องถึงขั้นไปคุยกับคุณครูเองที่โรงเรียน ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณครูที่ต้องอบรมสั่งสอน
ลูกของเราอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ควรทำ คือให้คุณพ่อคุณแม่สอนลูกแทนว่าจะต้องทำตัวอย่างไร เพื่อไม่ให้โดนครูว่าหรือตีอีก
2. ขีดเส้นชีวิตให้ลูก
กำหนด ก ฎ เ ก ณ ฑ์ ข้อปฏิบัติต่างๆ ให้ลูกเดินตามทางที่พ่อแม่ปูไว้ ซึ่งนั่น อาจเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ลูกมีวินัย
แต่ในทุกๆกฎที่พ่อแม่ตั้งไว้ ก็ควรให้ลูกรับรู้ด้วย พร้อมให้ลูกมีส่วนร่วมในการขีดเส้นชีวิตของตนเอง
และต้องปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ ที่จะทำบางสิ่งด้วยตัวเองบ้างค่ะ เพียงเท่านี้ความสำเร็จในชีวิตลูก
ก็จะอยู่ไม่ไกลสุดท้ายนี้ การเลี้ยงลูกที่ถูกต้อง จะต้องอย่าให้ลูกเปราะบางจนเกินไปเหมือนไข่ในหิน
อย่าเลี้ยงลูกให้เห็นแก่ตัว ต้องเลี้ยงลูกให้โตไปตามวัย อย่าให้กินยากอยู่ยาก อย่าให้ลูกกลัวในสิ่งที่ไร้สาระ
โดยพ่อแม่ควรเริ่มต้นสร้างนิสัยเด็ก ด้วยการทำให้ตัวเองให้เป็นแบบอย่างพร้อมกับฝึกให้เด็กรับรู้
และรู้จักรับผิดชอบด้วยตัวเอง รวมทั้งเปิดโอกาส ให้เด็กได้เรียนรู้รวมถึงฝึกฝน นั่นจะทำให้เด็ก
สามารถหาแนวทางดำเนินชีวิต ตามบทบาทและหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี
3. ปลุกลูกไปโรงเรียนตอนเช้าทุกวัน
เรียกได้ว่ากิจวัตรประจำวันของคุณแม่ ที่ต้องทำทุกเช้า คือการปลุกลูกเพื่อไปโรงเรียน ซึ่งความจริงแล้วคุณพ่อคุณแม่
ควรฝึกลูกให้ตั้งนาฬิกาปลุกและจัดสรรเวลานอน ให้เหมาะสมเพื่อให้เขาได้เรียนรู้ ที่จะจัดการกับตารางชีวิตของตัวเอง
4. ซักเสื้อผ้าให้ลูก
เมื่อลูกโตพอที่จะทำงานบ้านได้แล้ว แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยฝึกหรือให้ลูกได้ทำด้วยตัวเอง และการที่คุณแม่
ซักเสื้อผ้าให้ลูกทุกวัน อาจทำให้เด็กเคยตัวและเป็นคนไม่มีวินัยในตัวเองหรือความรับผิดชอบ
ดังนั้น หากเด็กอยู่ในวัย ที่พอเรียนรู้และทำอะไรด้วยตัวเองได้แล้ว คุณแม่ก็ควรสอนลูกถึงวิธีการใช้เครื่องซักผ้า
หรือการซักผ้าด้วยมือเพื่อที่เขาจะได้ฝึกทำมันด้วยตัวเอง
5. ยุ่งกับการเรียน
การเป็นห่วงสนใจในเรื่องเรียน หรือความเป็นอยู่ที่โรงเรียนของลูกไม่ใช่เรื่องผิดหรอก แต่การที่คุณพ่อคุณแม่
ไปบงการหรือกำหนดเส้นทางการเรียน โดยไม่ให้เขามีสิทธิคิด หรือตัดสินใจด้วยตัวเอง
นั่นอาจจะทำให้ลูกของคุณไม่โตเป็นผู้ใหญ่เสียที
6. นำของที่ลูกลืมไปให้ถึงที่โรงเรียน
การที่ลูกโทรมา เพื่อบอกให้คุณพ่อคุณแม่ นำเอาสิ่งของที่ลืมไปส่งที่โรงเรียน โดยที่คุณก็ทำตามที่ลูกสั่งทุกครั้ง
ซึ่งนั่นอาจทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ไม่รอบคอบได้ ดังนั้น เมื่อลูกโทรมาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ทำแบบนั้นอีก
โดยที่ของชิ้นนั้นไม่ได้มีความสำคัญถึงขั้น ค อ ข า ด บ า ด ต า ย อะไร ก็ควรบอกปัดเพื่อให้ลูกรู้จักมีความรอบคอบมากขึ้น
และตรวจความเรียบร้อยของสิ่งของเครื่องใช้ที่ต้องเอาไปโรงเรียนก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
7. ยอมให้ลูกหยุดเรียน
เพราะเด็กบางคนอาจมีอาการป่ ว ยการเมือง เนื่องด้วยสาเหตุหลายๆ อย่าง อาจจะเกิดจากวิชาเรียน
และการบ้านต่างๆ ซึ่งวิชาเรียนอาจง่ายเกินไป ทำให้เด็กเกิดความเบื่อหรือ วิชาเรียนอาจยากจนเกินไป
ทำให้เด็กเกิดความกดดันว่าไม่ฉลาดเท่าเด็กคนอื่นๆ สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรทำคือ อย่าถามลูกว่า
ทำไมถึงไม่อยากการไปโรงเรียน เนื่องจากเด็กมักจะไม่รู้คำตอบ เมื่อเด็กไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
ก็จะเป็นการทำให้เด็กเกิดความรู้สึกเค รี ย ดแทน ทั้งนี้พ่อแม่ผู้ควรบอกเด็กว่าความกลัวไม่ช่วยอะไร
หากแต่เด็กควรเอาชนะความกลัวให้ได้ ควรเปิดใจให้กว้างในการรับฟังความรู้สึกของลูก
ขอบคุณ : k r u u p d a t e .c o m